[Fic EXO] Hate You - Complete!!!
Minseok & Luhan
ผู้เข้าชมรวม
928
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ใครๆก็มักจะพูดว่าลู่หานคือคนแสนดี น่ารัก เขาล่ะอยากจะแหวะออกมาซะจริงกับคำพูดเหล่านั้น
ลู่หานก็แค่ปีศาจร้ายที่มาในคราบของนางฟ้า(ที่ถูกถีบตกสวรรค์มา)
คิมมินซอกคนนี้รู้ดีกว่าใคร
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"มินซอกกี้ฮยอง ไปซื้อชานมเป็นเพื่อนผมหน่อยสิครับ”เสียงทุ้มๆติดจะอ้อนของเซฮุนทำให้ผมต้องละมือจากหนังสือที่ยืมคริสมาอ่าน เหลือบมองเซฮุนที่เดินมาเกาะขาผมอย่างออดอ้อน
อ่า ปีนี้เค้าอายุเท่าไหร่แล้วนะ ทำไมยังไม่รู้จักโตสักที
"ได้ข่าวว่านายเพิ่งกลับมาจากข้างนอกนะเซฮุน"
ผมถามเขายิ้มๆ ก็ผิดซะที่ไหนล่ะในเมื่อเขาเพิ่งเดินเข้ามาในหอแล้วก็โยนทุกอย่างในมือทิ้ง ก่อนจะตรงดิ่งมาหาผม
"น้า ฮยองน้า อยากไปกับฮยองไง”ปากบางๆเผยยิ้มขี้อ้อน แถมยังเจ้ากี้เจ้าการมาดึงหนังสือในมือผมออกไปวางไว้อีก มันน่าตีจริงๆเด็กคนนี้
"ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหมเซฮุน มินซอกเค้าจะได้พักบ้าง”
ลู่หานที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องเดินเข้ามาถาม ผมปรายตามองเขาก่อนจะคว้าหนังสือที่เซฮุนเพิ่งวางไว้ขึ้นมาแล้วเปิดหาหน้าที่อ่านค้างไว้ โดยมีสายตาของเซฮุนมองมาอย่างงงๆกับท่าทีของผม
"ผม.../นายก็ไปกับลู่หานสิ”ผมบอกออกไปก่อนที่เซฮุนจะทันได้เอ่ยอะไรออกมา แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ โดยไม่สนใจเซฮุนที่ดึงขากางเกงผมยิกๆ
"ไปกันเถอะเซฮุน เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง มินซอกนายอยากได้อะไรไหม”ท้ายประโยคลู่หานหันมาถามผม แต่ผมก็ทำเป็นไม่ได้ยิน สุดท้ายเขาเลยเดินหน้าซีดออกไปพร้อมกับเซฮุน
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงจะเชื่อนะว่าเขารู้สึกเสียหน้าที่ผมไม่ตอบเขา
แต่ผมรู้ว่าสีหน้าที่แสดงออกของเขามันก็แค่หน้ากาก
ลู่หานคนนั้นก็แค่เด็กเอาแต่ใจ ที่ต้องการทุกอย่างที่เป็นของผม
ภาพมายาแสนดีของเขาบนเวที ที่ทำดีกับผมมันก็แค่หน้ากากที่เขาสวมไว้ บทคนดีที่เข้าหาคนเงียบๆที่ไม่เป็นจุดเด่นอย่างผมที่เขาแสดงมันก็แค่เพื่อให้ตัวเขาเด่นขึ้นท่ามกลางแสงแฟลชแสงไฟเหล่านั้น
ทั้งหมดที่เขาทำก็แค่ต้องการดึงทุกคนให้เข้าหาตัวเขา
และเซฮุนก็คือหนึ่งในสิ่งที่ลู่หานต้องการแย่งไปจากผม
"ฮยองผมซื้ออเมริกาโน่มาฝาก”เซฮุนวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาผม พร้อมแก้วกาแฟในมือ และไอ้อาการวิ่งแถ่ดๆเข้ามาแบบนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาคงซื้อกาแฟร้อนมา
"นายนี่รู้ใจฮยองจริงๆนะ เซฮุน"ผมรับแก้วกาแฟมาจิบ ปล่อยให้รสชาติขมๆของมันไหลผ่านลำคอ กลิ่นหอมกาแฟคั่วที่ทำใหม่ๆทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาในทันตา
"ความจริงก็ไม่ใช่ผมหรอกครับที่ซื้อ ลู่หานนี่ฮยองเค้าซื้อมาแล้วให้ผมเป็นคนเอามาให้ฮยอง”เซฮุนพูดยิ้มๆ เขาไม่ได้สังเกตสีหน้าของผมที่เปลี่ยนไปสักนิด
"งั้นเหรอ"
"ลู่หานนี่ฮยองเค้าก็นิสัยดีออกนะ ทำไมมินซอกกี้ฮยองของผมถึงชอบทำหน้าดุใส่เขานักล่ะฮะ”เซฮุนขยับมานั่งที่ปลายเท้าของผมแล้ววางคางของเขาไว้ที่ตักผม เขาเงยหน้าจ้องผมเหมือนจะคาดคั้นเอาคำตอบ
แล้วผมควรจะตอบเขายังไงดี
ว่าสิ่งที่เขาเห็นกับสิ่งที่ผมเจอนั่นน่ะ มันคนละเรื่องเลย
"เซฮุน จุนมยอนถามหานายแหนะ”เป็นลู่หานที่เปิดประตูเข้ามา แต่หลังจากที่บอกวัตถุประสงค์เสร็จเขาก็ยังยืนรีรออยู่หน้าประตู ก็คงอยากจะรอไปหาจุนมยอนพร้อมกับเซฮุนนั่นแหละ
เซฮุนขยับลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน แอบได้ยินเขาบ่นพึมพำถึงจุนมยอนก่อนจะเดินเหมือนคนหมดแรงออกไป
ผมก้มลงอ่านหนังสือต่อ เมื่อได้ยินเสียงประตูปิด
ก่อนจะรู้สึกถึงเงาของใครสักคนที่เขามาทาบทับบนหนังสือ
"มินซอก”ลู่หานนั่นเอง ผมเงียบแล้วทำเป็นไม่ได้ยินเขา ก่อนจะขยับหามุมที่ไฟสว่างแล้วอ่านต่อ
"มินซอก” อีกครั้งที่เงาของเขามาพาดบนหน้าหนังสือของผม
ผมขยับหนีจนสุดขอบโซฟาแต่เขาก็ยังตามมา
"คิมมินซอก!”ผมนิ่งทำเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูด
"ฉันคุยกับนายอยู่นะ”
หนังสือที่อยู่ในมือของผมถูกกระชากออกไปอย่างแรง เขาปาหนังสือเล่มนั้นข้ามหัวผมไป ผมได้ยินเสียงแผ่นกระดาษที่สะบัดอยู่กลางอากาศเพียงครู่ก่อนที่มันจะกระทบกับผนังห้องแล้วตกลงมา
ผมนั่งนิ่งพยายามสะกดตัวเองไม่ให้เผลอลุกขึ้นไปต่อยหน้าเขา
"เลิกทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนสักทีได้ไหม มินซอก”ปลายเสียงเขาสั่นน้อยๆไม่บอกก็รู้ว่าเขากำลังโกรธผม บางทีอาจจะเกลียดเลยด้วยซ้ำกับสิ่งที่เขารู้สึกตอนนี้ ผมมองมือคู่เล็กของเขาที่กำหมัดแน่น ก่อนจะค่อยๆเงยหน้ามองเขาที่ยืนทำตาแดงๆอยู่
อีกสักพักเขาก็จะร้องไห้บีบน้ำตาต่อหน้าผมเหมือนที่เขาชอบทำเวลาที่ผมขัดใจเขา
"คิมมินซอก นายอย่ามาทำแบบนี้กับฉันนะ”เขาเริ่มเสียงดัง น้ำตาหยดใสไหลลงจากดวงตาคู่สวยของเขา
"ฉันไปทำอะไรให้นายกัน นายถึงต้องรังเกียจฉันขนาดนี้"
"คนรักนายเยอะแล้วไง เว้นฉันไว้สักคนให้เกลียดนายคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง"เป็นครั้งแรกในรอบวันที่ผมพูดกับเขา และมันช่างเป็นจังหวะพอดีกับที่ประตูห้องถูกเปิดออก เมมเบอร์สี่ห้าคนกรูเข้าไปหาลู่หานที่ยืนน้ำตานองหน้าอยู่
มีเพียงแค่เซฮุนที่เดินมาหยุดตรงหน้าผม เขาไม่ได้สนใจลู่หานที่กำลังร้องไห้เหมือนคนอื่นๆ
"ฮยอง ทะเลาะอะไรกันครับ เสียงดังออกไปข้างนอกโน่นเลย”เซฮุนก้มลงมาจับมือของผม เสียงถามที่ดูอ่อนโยนของเขามันดูโตเกินกว่าที่จะมาจากคนที่ชอบทำตัวเป็นเด็กอย่างเซฮุน จนผมรู้สึกอยากร้องไห้
มีนายแค่คนเดียวสินะ ที่เลือกจะอยู่ข้างฉัน
"ไม่มีอะไรหรอก"
"ไม่มีอะไรแล้วทำไมลู่หานถึงร้องไห้แบบนี้ล่ะ”จุนมยอนหันมาถามผมที่อกเขามีลู่หานซุกหน้าร้องไห้อยู่ โดยมีคยองซู แบคฮยอน เทา และชานยอลที่ลูบหลังปลอบลู่หานอยู่ไม่ห่าง
"เมื่อกี้ตอนที่ฉันเข้ามาฉันได้ยินนายพูดว่าเกลียดอีก”เขายังคงถามผมโดยมีสายตาคาดคั้นจากน้องๆในวงที่มองมา
"ถามคนของนายดูละกัน”ผมตอบแล้วผุดลุกขึ้นก่อนจะเดินอ้อมโซฟาไปเก็บหนังสือที่ตกอยู่บนพื้น ผมใช้มือจับหน้ากระดาษที่ยับยู่ยี่ให้มันเข้าที่ บางหน้าที่ฉีกขาดเป็นแผ่นๆก็หยิบขึ้นมาลวกๆแล้วก็ยัดมันกลับเข้าเล่ม จังหวะที่ผมเดินผ่านหน้าพวกเขา
มือของลู่หานก็เอื้อมมาจับข้อมือของแต่ผมก็สะบัดออกแล้วรีบเดินออกมาจากห้องโดยมีเซฮุนที่เดินตามมาติดๆ
เสียงร้องไห้ของลู่หานดูจะดังขึ้นหลังจากที่ผมสะบัดมือของเขาออกจนเมื่อเซฮุนปิดประตูห้องนั่นแหละมันถึงได้เงียบหายไปหลังบานประตู
เสแสร้ง!!!! มารยา!!!
เขาแค่บีบน้ำตาทุกคนก็คอยปลอบคอยโอ๋ และกลายเป็นผมที่เป็นคนผิด
น้ำตาของลู่หานเป็นเพราะเจ้ารึยังไง
ผมก้มลงมองหนังสือในมือที่ตกเป็นเหยื่อทางอารมณ์ของลู่หาน ผมคงต้องไปหาซื้อมาคืนคริสสินะ เพราะสภาพแบบนี้ ถ้าหมอนั่นมาเห็นคงจะโวยลั่นแน่ๆ
"ฮยอง...”เซฮุนดึงหนังสือออกไปจากมือผม เขาเปิดหน้าหนังสือที่ฉีกขาดและยับยู่ยี่ก่อนจะเงยหน้ามามองผม
"ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะครับ”
"ฉันจะขว้างลู่หานแล้วมันพลาดมั้ง”ผมตอบออกไปแล้วดึงหนังสือกลับมา รู้สึกผิดที่เอาความโกรธมาลงกับเซฮุนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยแต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะพูดอะไรทั้งนั้น
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเมมเบอร์คนอื่นๆก็มักจะคอยกันผมกับเขาไม่ให้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ซึ่งผมก็รู้สึกขอบคุณพวกเขาที่ไม่ต้องให้ผมทนอยู่กับลู่หานอีก
เพราะผมคงห้ามสายตาที่แสดงความรังเกียจเอาไว้ไม่ได้แน่
ผมก้มมองหนังสือในมือ มองดูปีที่พิมพ์ของมันก่อนจะถอนหายใจออกมา มันพิมพ์เมื่อสิบปีที่แล้ว และดูเหมือนว่าทุกร้านที่ผมไปจะไม่มีหนังสือเล่มนี้วางขายเลย
ผมลองเข้าไปหาในร้านหนังสือมือสองที่ใหญ่ที่สุดในเมือง แต่เจ้าของร้านก็บอกว่าไม่มีเพราะหนังสือแบบนี้เลิกพิมพ์ออกมาขายไปนานแล้ว
"ฉันไม่น่ายืมเล่มนี้มาอ่านเลยจริงๆนะ”ผมพูดกับตัวเองพลิกดูหนังสือไปมา ก็เพราะมันดูเก่าและมีมนต์ขลังทำให้ผมเลือกมันมาจากตู้หนังสือของคริส แต่ไม่รู้เลยว่ามันจะสร้างความเดือดร้อนให้ผมขนาดนี้
ผมเดินมาหยุดยังร้านขายหนังสือมือสองเล็กๆแห่งหนึ่ง
"ขอโทษนะครับคุณป้า พอจะมีหนังสือแบบนี้ขายบ้างไหมครับ”ผมถาม ภาวนาให้ที่นี่มีด้วยเถอะ เพราะถ้าหมดจากตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาจากที่ไหนอีกแล้ว
"อ้อ เล่มนี้”ผมตาโต เผลอจ้องคุณป้าไปจนท่านต้องถอยหนี "เพิ่งมีคนซื้อออกไปเองจ้ะ”
"แล้ว... แล้วมันมีอีกไหมครับป้า"ผมถามอย่างมีความหวัง
"มันมีเล่มเดียวจ้ะ”คุณป้าเจ้าของร้านส่ายหัวพร้อมบอกคำที่ผมแอบคิดลึกๆไว้ว่าจะไม่ได้ยินมัน “คนที่มาเมื่อกี้เค้าก็เจาะจงจะเอาเล่มนี้เหมือนพ่อหนุ่มนั่นแหละ"
โชคไม่เคยเข้าข้างผมเลย
ผมพยักหน้าตอบน้อยๆก่อนจะกล่าวขอบคุณแล้วเดินกลับมา
ใครกันที่ต้องมาซื้อหนังสือเล่มเดียวกันกับที่ผมต้องการด้วย
"มินซอกฮยองหายไปไหนมาทั้งวันเลย”อี้ชิงเอ่ยถามผมด้วยประโยคภาษาเกาหลีแปร่งๆ
"ออกไปทำธุรมาน่ะ”หลังจากที่ได้ทำตอบอี้ชิงก็ก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรลงในกระดาษของเขาต่อ ถ้าผมเดาไม่ผิดเขาคงจะแต่งเพลงเหมือนที่ชอบทำ ผมกวาดตามองไปทั่วห้องเมมเบอร์คนอื่นๆคงกลับบ้านไปพักผ่อนเนื่องจากวันหยุดยาว จะมีคนที่ไม่ได้กลับก็มีจงอิน อี้ชิง ลู่หาน แล้วก็ผม วันนี้หอพักเลยดูจะเงียบสงบกว่าปกติ
ผมเดินลากเท้าเข้าไปในห้อง หลังจากที่หมดหวังกับการหาหนังสือจากร้านของคุณป้า ผมก็ไปหาร้านซ่อมหนังสือที่ดีที่สุดในเมือง อย่างน้อยวิธีนี้ก็ยังดีกว่าการที่จะส่งหนังสือสภาพขาดๆ ยับๆไปให้คริสล่ะนะ
เตียงตรงข้ามผมมีลู่หานที่นอนหลับอยู่ ผมเหลือบมองเขาอย่างหงุดหงิดก่อนจะทิ้งกระเป๋าเป้ลงบนบนเตียง แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นห่อกระดาษสีน้ำตาลยับๆที่วางอยู่ข้างหมอน
ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อน ผมลองหยิบมันขึ้นมาดู มันก็หนักอยู่เหมือนกัน หลังจากที่พลิกห่อดูมันไม่มีชื่อใครติดไว้แต่ถ้าเอามาวางบนเตียงผมมันก็น่าจะเป็นของผม บางทีอาจเป็นของที่บรรดาแฟนคลับส่งมาให้ผมก็เป็นได้
ผมค่อยๆแกะห่อนั้นอย่างระมัดระวังเพราะถ้าเกิดมันไม่ใช่ของผม ผมก็จะห่อมันกลับไปคืนเจ้าของตัวจริงของมัน
ผมนิ่งไปชั่วครู่หลังจากเห็นของที่ถูกห่อเอาไว้ มันคือของที่ผมสู้อุตส่าห์ออกไปตระเวนหาอยู่ทั้งวัน หนังสือเล่มนั้นนอนนิ่งอยู่บนตักผม
ไม่รู้ทำไมสายตาผมจู่ๆถึงได้โฟกัสไปที่เขาที่นอนขดตัวอยู่
ใบหน้าของเขาที่กำลังหลับสนิทผมไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามันน่ารักเหมือนกับเด็ก แต่ผมก็ไม่อาจลืมความร้ายกาจที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าของเขา
ผมเดินข้ามห้องไปยังเตียงของเขา ก่อนจะโยนหนังสือในมือลงไปบนเตียง ด้วยน้ำหนักของมันทำให้คนที่นอนหลับอยู่สะดุ้งตื่น เขาเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงอย่างตื่นตระหนก ดวงตากลมๆของเขาที่มันแดงกร่ำกวาดมองไปทั่วห้องก่อนจะวกกลับมาหยุดที่ผม
“นายทำแบบนี้ทำไม” เขากระพริบตาช้าๆ ราวกับกำลังประมวลผลสิ่งที่ผมพูด ก่อนจะก้มลงมองข้างตัวที่ตอนนี้มีหนังสือเล่มหนาตกอยู่
“ทำไม.../นายต้องการอะไร”ผมขัดขึ้นเพราะไม่ต้องการฟังคำถามอะไรจากเขา
“ฉัน ... แค่อยากจะช่วยนาย แล้วอีกอย่างฉันเป็นคนทำหนังสือเล่มนั้นขาดด้วย”เขาพูดเสียงอู้อี้ ก่อนจะหยิบหนังสือส่งมาให้ผม ผมปัดหนังสือในมือเขาทิ้ง ลู่หานเงยหน้ามามองผมทันดี ดวงตาเขามีน้ำตาคลอรื้นขึ้นมา
“นายเก็บของนายไปเถอะ ไม่ต้องมาทำตัวเป็นคนดีกับฉัน นายมันจอมเสแสร้ง” ผมจ้องตอบเขา น้ำตาหยดใสค่อยๆไหลจากดวงตาคู่สวยของเขา
ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ ยิ่งบีบน้ำตา
ผมบอกได้เลยว่าผมเกลียดเขา เกลียดคนเสแสร้งแบบเขา
“นายพูดอะไร มินซอก ฉันเสแสร้งอะไร ที่ผ่านมามีแต่นายที่ทำเย็นชากับฉัน ทำเหมือนฉันไม่ใช่เพื่อนนาย” ไหล่บางของเขาสั่นไหว จากแรงสะอื้น ผมยืนมองเขาอยู่แบบนั้น ถ้าเป็นเมื่อนานมาแล้วผมคงเขาไปกอดปลอบเขา แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมทำคือการเหยียดยิ้มใส่เขา “นายเปลี่ยนไปนะมินซอก นายรู้ตัวบ้างรึเปล่า”
“ฉันไม่เคยเปลี่ยน บางทีนี่อาจเป็นอีกด้านของฉันที่นายไม่เคยรู้ก็ได้ ก็เหมือนกับนายไง”
ลู่หานทำท่าจะลงจากเตียงมาหาผม แต่ผมก้าวถอยหนีเขาอย่างรวดเร็ว ด้วยความรังเกียจที่มีต่อเขา
“นายกำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่มินซอก ฉันไม่เข้าใจ” ผมมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเขา มันดูน่าสงสาร แต่ผมกลับไม่มีความสงสารเขาเลย ผมจ้องเข้าไปในดวงตาของเขาที่มีแต่น้ำตา
“ฉันอยู่ในนั้น ห้องน้ำที่นายคิดว่ามันเสีย”
LuHan's Part
เพราะคำสบประมาทจากใครหลายๆคนมันทำให้ผมหลุดคำพูดที่ไม่หน้าให้อภัยออกไป และเพราะคำพูดเหล่านั้นตอนนี้ผมได้แต่ก้มหน้ารับผลของมัน จริงอยู่ที่ ผมอยากจะเอาชนะเขา
แต่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ผมหลงรักคู่แข่งของตัวเอง
“ฉันอยู่ในนั้น ห้องน้ำที่นายคิดว่ามันเสีย”
ผมได้แต่ส่ายหน้าเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เขากำลังพูด ความทรงจำมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาในหัวผม ผมพยายามจะค้นหามัน
มินซอกพูดถึงอะไร
อะไรบางอย่างที่เปลี่ยนเพื่อนที่แสนดีคนนั้นให้เป็นคนเย็นชาและแสดงท่าทีรังเกียจผมได้ถึงขนาดนี้ แล้วผมก็รู้สึกชาวูบไปทั้งตัวราวกับมีคนเทน้ำเย็นราดมาบนตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ไม่นะมินซอก” ผมครางชื่อเขาออกมา ตอนนี้ผมได้แต่ภาวนาให้เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่ฝันร้าย อีกเดี๋ยวผมก็จะตื่นขึ้นมา แล้วพบกับสายตาเย็นชาที่เขามักจะใช้มันมองมาที่ผม
ผมยอมให้เขาเย็นชากับผมเสียยังดีกว่า จะให้เขาทำอะไรกับผมก็ได้ทั้งนั้นแค่ตอนนี้ขอให้เรื่องทั้งหมดเป็นแค่ฝัน ผมจะยอมแลกมันด้วยทุกอย่าง
“นายทำสำเร็จแล้วลู่หานนายได้ทุกอย่างที่นายต้องการแล้ว จากนี้ช่วยอยู่ให้ห่างฉันด้วย” ภาพของเขาที่ผมมองเห็นมันยิ่งพร่าเลือนเมื่อน้ำตามากมายมันกำลังไหลออกมา
เรี่ยวแรงที่เคยมีตอนนี้เหมือนมันหายไป
ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไงดี
ผมจะทำยังไงดี จะผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ยังไง
ผมพยายามจะพูดเพื่ออธิบาย แต่ก้อนที่มาจุกอยู่ที่คอตอนนี้มันทำให้ไม่มีแม้เสียงใดที่หลุดลอดออกมา
เสียงปิดประตูลงเบาๆแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันดังลั่นอยู่ในหูของผม
ได้โปรด มินซอกนายฟังฉันอธิบายก่อนได้ไหม
การที่ผมได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดเพราะหน้าตา มันทำให้ผมต้องเพิ่มความพยายามขึ้นเป็นสองเท่าของคนอื่น เพราะคำพูดที่ว่า มีดีแค่หน้าตาทำให้ผมต้องฝึกหนักและทุ่มเททุกอย่างไปกับมัน ที่นี่ทำให้ผมได้เจอกับเพื่อนใหม่ เขาเป็นผู้ชายตัวเล็กๆขาวๆที่ชื่อว่ามินซอก ถึงเขาจะเข้ามาฝึกหลังผมไม่กี่วันแต่ด้วยความที่เขาชนะการประกวดเข้ามา ความสามารถของเขาทำให้ผม อิจฉา เขามักจะยิ้มเสมอเวลาที่ผมทำพลาดแล้วก็คอยแนะผมช้าๆ เราสนิทกันอย่างรวดเร็วจนผมแปลกใจ ด้วยความที่เรามีอะไรคล้ายๆกันสนใจในเรื่องๆเดียวกัน ผมกับเขาแทบไม่ห่างจากกันเลย แต่มินซอกก็ไม่ได้สนิทกับผมแค่คนเดียวเพราะความอัธยาศัยดีของเขาทำให้เขาเป็นที่รักในหมู่รุ่นพี่และเด็กฝึกด้วยกัน
พวกเราสัญญากันว่าเราจะฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเจออะไร จนกว่าเราจะได้เดบิวต์ พวกเราจะไม่ท้อ เราสองคนคิดแม้กระทั่งหากมีใครสักคนต้องออกจากบริษัท อีกคนที่ยังอยู่ก็จะออกมาด้วยกัน ทุกวันของการฝึกซ้อมที่สุดโหดมันผ่านไปด้วยดีเพราะมีเขาอยู่ข้างผม มินซอกร้อง ผมเต้น เวลาที่เราฝึกด้วยกันมันผ่านไปรวดเร็ว แล้ววันหนึ่งฝันของพวกเราก็เป็นจริงเมื่อเราจะได้เดบิวต์ ตารางการฝึกและเทรนอย่างเข้มงวดถูกกำหนดขึ้นจนถึงวันที่พวกเราจะได้ไปยืนบนเวทีจริงๆ ในวันนั้นเอง ผมกับมินซอกตกลงกันว่าจะไปเลี้ยงฉลองกัน เพราะหลังจากนี้ เราคงไม่มีเวลาว่างมากนัก
ผมเตรียมเก็บของเข้ากระเป๋า แต่มินซอกไล่ผมให้เปลี่ยนชุดที่เปียกไปด้วยเหงื่อเพราะเขาจะไม่ยอมไปกับผมถ้าผมไม่เปลี่ยนชุด
“นายว่าไหมลู่หานน่ะร้องเพลงก็งั้นๆถ้าไม่ใช่เพราะหน้าตาดี ก็คงไม่ได้เข้า มาเป็นเด็กเทรนหรอก” ขณะที่ผมกำลังเดินจะเข้าห้องน้ำ เสียงคนคุยกันก็ทำให้ผมถึงกับก้าวขาไม่ออก
“นั่นสิ นายจำได้ไหม มินซอกกับลู่หานน่ะเข้ามาเวลาไล่ๆกัน ตอนนั้นใครๆก็ชอบลู่หานเพราะหน้าตา แต่พอเรื่องความสามารถล่ะก็ มินซอกชนะขาดลอย” เสียงอือออดังขึ้น ผมขยับเข้าไปใกล้ทางเข้าห้องน้ำมากขึ้นเพื่อรอฟังพวกเขาสองคนที่คุยกัน “มินซอกน่ะทั้งนิสัยดี เสียงก็เพราะเต้นก็เก่ง ขนาดครูฝึกยังชมเลย ลู่หานน่ะเทียบไม่ติด ไม่รู้ท่านประธานคิดยังไงที่จะเดบิวต์ลู่หาน”
“ลู่หานน่ะเป็นได้แค่เงาของมินซอก คงคิดละมั้งว่าอยู่ใกล้คนเก่งๆแล้วจะฉุดให้ตัวเองดูเด่น ไม่ได้สำนึกเลยว่ายิ่งมองยิ่งน่าสมเพช” ผมกำหมัดแน่นแล้วก็ต้องตกใจกับน้ำตาตัวเองที่มันกำลังไหล ผมปาดน้ำตาออกแล้วเดิน กลับมาที่ห้องซ้อมมินซอกกำลังนั่งหัวเราะอยู่กับเซฮุน แบคฮยอน คยองซู มีจุนมยอนที่กำลังเล่นผมของเขาอยู่ ผมก้าวเข้าไปใกล้ มินซอกก็หันมายิ้มกว้างให้ผม
“ลู่หาน เดี๋ยวพวกนี้จะไปกินกับเราด้วยล่ะ อ้าวนั่นทำไมไม่เปลี่ยนชุดอีกล่ะ”
“ฉันรู้สึกเหมือนไม่ค่อยสบาย กลับก่อนนะ” ผมเดินไปหยิบกระเป๋าโดยไม่มองหน้าเขาสักนิด
ลู่หานน่ะเป็นได้แค่เงาของมินซอก
“อ้าวเห้ย” ผมรีบเดินออกมาจากห้องซ้อมไม่สนใจว่าใครจะมองยังไง ผมแค่อยากไปจากที่นี่ ที่ๆมีแต่คนเสแสร้งสองคนที่อยู่ในห้องน้ำนั้นเวลาที่เจอกันมักจะพูดให้กำลังใจผมต่างๆนาๆจนผมคิด ไปเองว่าเขาคือเพื่อน แต่มันคงไม่ใช่ ที่นี่สถานที่แห่งนี้มันไม่มีใครสักคนที่จริงใจ
มินซอกนายไม่ได้คิดกับฉันเหมือนคนอื่นๆใช่ไหม
“ลู่หาน ตั้งใจฝึกหน่อย”เป็นครั้งที่สามที่ผมโดนครูฝึกดุ เพราะผมเอาแต่เหม่อจนเผลอไปชนกับมินซอก “ขอโทษครับ” ผมกล่าวขอโทษครูฝึก
“พัก20นาที” หลังคำสั่งของครูฝึกผมก็ได้แต่ก้มหัวขอโทษคนอื่นๆที่เป็นตัวถ่วง ผมมองหามินซอกที่เขารีบเดินออกจากห้องซ้อมเพื่อจะขอโทษเขา
“ลู่หาน” เสียงครูฝึกหยุดผมที่กำลังจะตามมินซอกไป “วันนี้นายไม่ตั้งใจฝึกเลยนะอย่าลืมสิว่ากำหนดวันเดบิวต์ออกมาแล้วถ้ายังเป็นแบบนี้ นายจะแย่นะ อาทิตย์หน้าเราจะวางตำแหน่งหน้าที่แล้วนะ” ผมเดินออกมาจากห้องซ้อมอย่างรวดเร็วไม่รู้ว่ามินซอกหายไปไหนซะแล้ว
“น่าสงสารมินซอกนะ เห็นเดินขากะเผลกไปเลย” เสียงคนคุยกันดังลอดเข้ามาในโสตประสาท ผมคงไม่สนใจถ้าในนั้นไม่มีชื่อคนที่ผมคุ้นคยเป็นอย่างดี อย่างมินซอก
“เห็นมินซอกบอกว่าชนกับลู่หานแล้วขาเจ็บ ฉันว่าหมอนั่นตั้งใจชนมินซอกมากกว่า ยิ่งใกล้เดบิวต์ถ้ามินซอกเจ็บหมอนั่นจะได้เป็นดาวเด่น” ผมหันขวับไปมองคนพูดตาขวาง รู้สึกถึงความโกรธที่มันพลุ่งพล่านในตัว พอรู้ว่าผมมองอยู่พวกเขาก็หยุดพูดแล้วเดินเลี่ยงไปทันที
ผมเดินตรงดิ่งไปยังห้องน้ำชายที่มีอยู่เพียงสองห้องหนึ่งเป็นห้องอาบน้ำส่วนอีกห้องเป็นห้องน้ำมีป้ายชำรุด ตกอยู่บนพื้นหน้าห้อง “บ้าเอ้ย”ผมสบถ เสียงดัง ความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมดทั้งโกรธ ทั้งเกลียด ทั้งอิจฉาสุดท้ายเลยไปพาลเอากับประตูผมเตะมันอย่างแรงจนเกิดเสียงดังปัง
“ใครๆก็รักแต่มินซอกๆทำไมคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างมินซอกถึงเป็นที่รักของทุกคนทำไม ทำไม” ผมยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกก่อนจะเปิดน้ำล้างหน้า เพื่อจะดับอารมณ์โกรธของผม ภาพสะท้อน ในกระจกของผมมันดูไม่เหมือนผม เพราะผู้ชายคนนั้นมันมีแต่ความโกรธ เกลียดอยากจะเอาชนะ
“มินซอก ฉันเป็นได้แค่เงาของนายสินะ ตลอดเวลานายคงคอยหัวเราะเยาะฉันลับหลังเหมือนคนอื่นๆ ฉันเกลียดนายคิมมินซอก ลู่หานคนนี้เกลียดนาย ฉันไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอก ฉันจะต้องเหนือกว่านายให้ได้ ฉันจะต้องเอาชนะนายให้ได้คอยดู”
ผมไม่เคยรู้เลยว่าในห้องน้ำตอนนั้นมีคนอยู่ด้วย ที่ผมพูดไปเพราะความโกรธของผม ที่มีมากจนขาดสติ ผมรู้แค่ว่าผมโกรธ
ทำไมความพยายามตลอดมาของผมมันไม่เคยมีค่าเลย ทำไมทุกคนมองข้ามผม
ทำไมพวกเขาถึงพยายามจะเหยียบผมให้จมดิน
ผมใช้แรงผลักดันจากพวกเขา ฝึกซ้อมทั้งวัน พยายามอย่างหนักจนได้ตำแหน่งร้องนำและเมนแดนซ์มา
ผมลบคำสบประมาทเหล่านั้นและเปลี่ยนมันเป็นคำชม
ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่ผมต้องการผมโดดเด่นขึ้น ในขณะที่มินซอกถูกมองข้ามและละเลย
แต่รู้อะไรไหมผมกลับไม่เคยมีความสุขเลยที่มันเป็นแบบนี้
ผมมองเขาได้ไม่เต็มตาเพราะรู้สึกผิดกับเขา ตำแหน่งร้องนำควรจะเป็นของเขาไม่ใช่ของผม ทุกครั้งที่ผมจับไมค์ร้องเพลง ผมมองเห็นแค่ใบหน้าของเขา ความฝันของเขาถูกผมทำลา แต่ตลอดเวลามินซอกยังคงทำตัวเป็นปกติกับผมจนวันที่พวกเราทั้งสิบสองคนได้ยืนบนเวที พร้อมแสงไฟที่สาดส่องมาที่พวกเราผมจับมือมินซอกไว้แน่นอยากจะเอ่ยขอโทษเขา แต่พอผมหันไปสบตาเขาที่มันว่างเปล่าผมก็ต้องกลืนคำพูดกลับลงไป มินซอกดึงมือออกแล้วเดินไปยืนที่อื่น
หลังจบโชว์เคสแรกของพวกเรามีการจัดงานปาร์ตี้เล็กๆผมมองมินซอกที่กำลังยิ้มให้กับเซฮุนที่ซบอยู่บนไหล่ของเขา ไหนจะคยองซูที่ดึงแก้มของเขาไปมาอีก ผมมองภาพนั้นด้วยความอิจฉาเมื่อก่อนผมเคยอิจฉาที่มินซอกได้รับความรักมากมายแต่ตอนนี้
ผมอิจฉาคนที่อยู่รอบๆตัวเขา เมื่อไหร่กันที่มินซอกค่อยๆห่างผมออกไป ผมเฝ้าถามตัวเองว่าทำไม แต่สิ่งที่ได้รับก็มีเพียงความสงสัยมากยิ่งขึ้น มินซอกไม่เคยมองผมด้วยสายตาเย็นชาแบบนั้นไม่เคยสักครั้งที่เขาจะไม่ยิ้มให้ผม แม้ในวันที่ครูฝึกประกาศหน้าที่ในวง มินซอกก็ยังยิ้มให้ผมและดึงผมเข้าไปกอด
ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะเห็นคนอื่นสำคัญไปกว่าผม
ผมไม่รู้เลยสักนิดว่าทำไมแต่ยิ่งผมถามตัวเองผมก็ยิ่งรู้ว่า ผมไม่ได้มองมินซอกเป็นคู่แข่งหรือแม้กระทั่งเพื่อน แต่ผมมองเขาเหมือนคนรักผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร อาจเพราะมินซอกดีกับผมเสมอ เพราะเขามักจะมอบไหล่ของเขาให้ผมพักพิงหรือเพราะเขาเป็นเขาเป็นมินซอกที่แสนดี
ผมจะรู้สึกเดือดทุกครั้งที่มีคนเข้าใกล้มินซอก โดยเฉพาะเซฮุนที่มินซอกดูจะเอ็นดูเป็นพิเศษ
ลึกๆแล้วผมกลัว กลัวว่ามินซอกจะรักคนอื่นที่ไม่ใช่ผม ผมอยากให้เขาเป็นของผมคนเดียวมีแค่ผมคนเดียว ผมรู้ว่ามันเห็นแก่ตัวแต่ผมก็ยังทำ ผมกันทุกคนออกห่างจากมินซอก ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้เขาแต่ยิ่งผมทำแบบนั้นมินซอกก็ยิ่งออกห่างผมไป
ผมรู้แล้วว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไงตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรู้สึกที่เหมือนถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่ผมเคยรู้สึก เขาอดทนกับผม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนถึงวันเดบิวต์ของเรา เพราะเขายังรักษาคำสัญญาของเรา
แต่กลับเป็นผมที่ทำร้ายใจของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขามองว่าผมเสแสร้งที่ทำดีกับเขาบนเวที แต่ถ้าเผื่อมินซอกจะรู้บ้าง ตลอดเวลาผมกำลังชดเชยสิ่งที่ผมขโมยมันมาจากเขา ค่อยๆคืนแสงสว่างกลับไปให้กับเขา
****** Hate you ******
“มินซอก” ลู่หานเดินมาขวางผมที่กำลังจะเดินออกจากหอไป เพราะวันนี้อี้ชิงจะไปค้างบ้านเมเนเจอร์ฮยอง ส่วนจงอินก็เปลี่ยนใจอยากกลับบ้านขึ้นมา และผมเองก็ไม่อยากอยู่กับเขาสองคนผมเลยตั้งใจจะออกไปข้างนอก
“นายจะไปไหนมินซอก เมื่อคืนนายก็ไม่กลับห้อง” เขาถามผม แต่สายตาของเขากำลังจ้องเขม็งไปยังกระเป๋าเป้บนไหล่ของผม ผมไม่ตอบ แถมยังเดินชนไหล่เขาไป แต่ผมก้าวขาได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดเพราะลู่หานวิ่งมากางแขนดักหน้าผม แล้วใช้หลังดันประตูไว้
“หลีกไป” ผมเอื้อมมือไปดึงแขนเขาออกมา แต่ไอร้อนที่ส่งผ่านฝ่ามือมามันทำให้ผมหยุดมือที่จะกระชากเขา เลยได้แต่ดันเขาให้ไปยืนอีกทางแทน
ผมมองหน้าของเขาชัดๆ มันดูโทรมมาก ดวงตาที่ใสเหมือนกวางมีแววหม่นเศร้า ผมเผลอสบตากับเขา แต่พอรู้ตัวผมก็ต้องรีบปล่อยมือที่ยังจับแขนเขาเอาไว้ แต่กลับเป็นลู่หานที่รั้งแขนผมเอาไว้แทน “ฉันไม่ให้นายไป” เขาพูด ปากเล็กๆเบะออกเหมือนจะร้องไห้
“นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน” ผมสะบัดมือเขาออกจากแขนของผม ก่อนจะเปิดประตูเดินออกมา
****** Hate you ******
ผมถอนหายใจอย่างหงุดหงิดกับภาพตรงหน้า ภายใต้แสงไฟสลัวใบหน้าผู้ชายแปลกหน้าที่โน้มเข้าไปใกล้ใบหน้าเล็กจากทางด้านหลังพร้อมสูดดมกลิ่นจากซอกคอ ไหนจะมือที่วางอยู่บนหน้าตักของเขาอีก ถึงอีกคนจะขัดขืนแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าจะสู้แรงจากคนที่ตัวใหญ่กว่าไม่ได้
ผมกระแทกแก้วลงบนโต๊ะอย่างแรง หยิบกระเป๋าตังค์แล้ววางเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าเครื่องดื่มไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินตรงไปยังคนสองคนที่ผมนั่งมองอยู่ ผมกระชากแขนเขาออกมาอย่างแรงจนตัวเขาลอยมาชิดผม ไอ้หน้าจืดนั่นพยายามจะดึงแขนเขากลับไป แต่ผมก็ถีบมันจนล้มลงก่อนที่มันจะเข้าถึงตัวผมด้วยซ้ำ
ผมมองสบตากับเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้าน ก่อนที่รปภ.จะมาลากตัวไอ้หน้าจืดนั่นออกไป
ผมฉุดแขนเล็กของลู่หานให้ตามผมออกมา ทางด้านหลังของร้าน เพราะคนเริ่มเยอะมันก็ดูจะเสี่ยงเกินไปถ้าใครเกิดจำพวกเราได้คงมีปัญหาแน่
“มินซอก ฉันเจ็บ ปล่อยได้แล้ว” เสียงประท้วงดังจากคนที่ผมลากออกมาด้วย ผมรีบปล่อยมือทันทีที่นึกได้ว่าผมจับมือเขาไว้อยู่
“คิดว่าฉันอยากจับนายนักเหรอ ขืนปล่อยไว้แบบนั้น นายได้เสร็จไอ้หน้าจืดนั่นแน่ อ้อ แต่บางทีนายอาจจะชอบแบบนั้น ฉันก็ลืมนึกไป”
“มินซอก!”
“ทำไม แทงใจดำรึไง ออกมานั่งให้ท่าผู้ชาย ถ้าชอบแบบนั้นก็บอกสิ ฉันจะได้ไม่ต้องลากนายออกมาให้เสียเวลา” ผมเหยียดยิ้มใส่เขาที่เริ่มทำท่าจะร้องไห้ “เลิกสักทีเถอะ ไอ้เอะอะก็ร้องไห้ ฉันไม่ได้พิศวาสนายที่จะต้องคอยปลอบเหมือนคนอื่นๆหรอกนะ”
“ฉันไม่ได้ให้ท่าใครทั้งนั้น ที่ฉันต้องไปเจออะไรบ้าๆแบบนั้นก็เพราะฉันตามนายมานั่นแหละ แล้วถ้านายไม่ผลักไสฉันไป ไอ้บ้าที่ไหนมันจะกล้าเข้ามารุ่มร่ามกับฉัน” ลู่หานปล่อยโฮออกมา เขาสะอื้นตัวโยน ผมยืนมองเขาร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไอ้คำที่เตรียมไว้จะด่าก็เลือนหายไป
ผมหงุดหงิดแทบบ้าเพราะเขา
แต่มันก็จบลงที่เขาร้องไห้แบบนี้ สุดท้ายผมเลยหันหลังเดินหนีเขามา
****** Hate you ******
“นี่มันอะไรกันครับฮยอง”
เซฮุนมองบุคคลที่มาเยือนในยามวิกาลด้วยสีหน้าแปลกใจก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะถ้านี่ไม่ใช่ตีหนึ่งกว่าเข้าไปแล้ว
ร้องครางชื่อผู้มาเยือนออกมาเบาๆเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ก่อนที่มินซอกฮยองของเขาจะแทรกตัวผ่านประตูเข้ามา
เซฮุนมองตามลู่หานที่เดินตาบวมผ่านหน้าเขาไป ก่อนจะปิดประตูอย่างงงๆ
“คืนนี้ฉันนอนค้างที่นี่นะ” มินซอกเอ่ยขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาภายในห้อง
“ฉันก็จะนอนที่นี่ด้วย” คราวนี้ลู่หานพูดขึ้นบ้างด้วยเสียงที่ฟังดูเอาแต่ใจ เรียกสายตาทั้งของเซฮุนและมินซอกให้หันมามองที่เขาเป็นตาเดียว
“ฉันบอกให้นายกลับหอไป” มินซอกเอ่ยเสียงเข้ม ทำตาดุใส่อีกคนแล้วแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายในความดื้อรั้นของลู่หานที่เดินตามเขามาตั้งแต่ออกจากผับ
“แต่นี่มันบ้านของเซฮุนนะ นายไม่มีสิทธิ์ไล่ฉัน”
เซฮุนจ้องลู่หานตาโตเมื่อเห็นอีกคนเถียงกลับ
“แต่ฉันไม่ให้”
“อย่าทำตัวเป็นเด็กสิมินซอก”
“ฮยอง!” เซฮุนรีบคว้าแขนพี่ชายตัวเล็กของเขาไว้ทันทีเมื่อเห็นมินซอกทำท่าจะถลาเข้าไปหาลู่หาน “ก็นอนด้วยกันทั้งหมดที่นี่และครับ นี่มันก็ดึกแล้ว อีกอย่างรถก็หมดแล้วด้วย”
“ขอบใจนะเซฮุน” ลู่หานรีบพูด ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้เจ้าบ้าน
“ผมมีห้องว่างอยู่อีกห้อง พวกฮยองก็นอนห้องนั้นละกันนะครับ”
“ไม่เอา!” มินซอกหันขวับมามองเซฮุนทันทีราวกับสิ่งที่เขาได้ยินมันเป็นอะไรที่ร้ายแรง
“แต่ตอนอยู่หอฮยองก็นอนห้องเดียว.../บอกว่าไม่เอา คืนนี้ฉันจะนอนกับนาย เซฮุน”ยังไม่ทันที่เซฮุนจะได้เอ่ยจบประโยค มินซอกก็รีบขัดขึ้นมาทันที
“ก็ได้ค.../ไม่ได้นะ!!!” คราวนี้เป็นลู่หานที่เสียงดังขึ้นมาบ้าง จนเซฮุนต้องหันไปมองหน้า ใบหน้าน่ารักนั้นงองุ้มราวกับเด็กๆ
“นายไม่อยากนอนกับฉัน งั้นฉันนอนกับเซฮุนเอง” ลู่หานรีบพูด มือเล็กเกี่ยวแขนเซฮุนเข้ามาหาตัวเอง
“ไม่ได้ นายจะนอนกับเซฮุนได้ยังไง” เซฮุนเหลือบมองฮยองตัวเล็กของเขาที่แลดูจะหัวเสีย พยายามแกะมือเล็กๆที่อาจเป็นสาเหตุของความขุ่นมัวในอารมณ์คนเป็นพี่ออกจากแขนตัวเองทันที
“อะไรก็ไม่ได้ แล้วนายจะเอายังไง” แต่ดูเหมือนไม่ต้องพยายามมากเมื่อลู่หานสบัดแขนเขาออกมาอย่างง่ายดาย
“ฉันถึงบอกให้นายกลับหอไปไง”
“แล้วจะให้ฉันกลับยังไง ตอนมาฉันก็เดินมากับนาย”
“ไม่ต้องกลับหรอกครับ คือข้างนอกอากาศเย็นแบบนี้ ถ้าเดินกลับหอมีหวังไข้กินแน่อีกอย่างทางมันก็ไกล” น้องเล็กคนเดียวค่อยๆพูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะกลัวจะพูดไม่ถูกหูฮยองแก้มป่องของเขาแล้วจะพาลโดนโกรธไปด้วย
“นายจะเอายังไงมินซอก”
****** Hate you ******
“เซฮุนนี่แขนขายาวจริงๆเลยนะ” คนที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาบ่นพึมพำขณะจัดการพับแขนเสื้อที่ยาวเกินแขนเขาออกมา แต่ก็ต้องหยุดยืนนิ่งเมื่อมองร่างของอีกคนกำลังหอบเอาหมอนและผ้าห่มลงไปนอนบนพื้นที่มุมห้อง ทั้งๆที่เตียงนอนก็กว้างพอจะนอนได้สองคนอย่างสบาย
“มินซอกนายทำอะไรของนาย”
ไม่มีเสียงตอบรับ ลู่หานถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินไปหยุดยืนข้างอีกคน
“ไปนอนบนเตียงด้วยกันเถอะพื้นมันเย็นนะ เดี๋ยวนายจะไม่สบาย” ลู่หานจ้องแผ่นหลังกว้างอีกคน จู่ๆดวงตาของเขาก็รู้สึกร้อนๆขึ้นมา แล้วมันก็เริ่มพร่าเบลอด้วยน้ำตาที่เอ่อขึ้นมา ถึงจะพยายามกลั้นมันไว้แต่หยดน้ำตาที่กำลังไหลรินเป็นสายก็ยังไม่ยอมหยุดไหล ลู่หานยกมือบางขึ้นมาปาดน้ำตาออกไปลวกๆ
“เลิกทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนสักทีได้ไหมมินซอก ฉันไม่ใช่อากาศนะที่นายจะมองผ่านฉันไป”
“นายรังเกียจฉันมากเหรอ? ฉันไม่ได้ขอให้นายให้อภัยฉัน แต่ฟังฉันอธิบายสักครั้งไม่ได้รึไง”
“โอกาสสำหรับนายมันหมดไปนานแล้ว”
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง”
“นายไม่ต้องทำอะไรเลย แค่อยู่ให้ห่างจากฉันก็พอ” น้ำเสียงและแววตาที่เยือกเย็นทำให้คนฟังถึงกับปล่อยโฮ
“แต่ฉันอยู่แบบนี้ไม่ได้ มินซอก นายเข้าใจฉันไหม ฉันทนอยู่แบบนั้นไม่ได้ นายทำเหมือนฉันไม่มีตัวตน ทำเหมือนฉันน่ารังเกียจ เป็นตัวอะไรที่นายไม่อยากเข้าใกล้ ฉันรู้ว่าฉันทำไม่ดีกับนาย ฉันรู้ว่าฉันทำลายความเชื่อใจของนาย ฉันทำลายความฝันของนาย ฉันเสียใจ มินซอก ฉันเสียใจจริงๆกับสิ่งที่ผ่านมา นายจะไม่ฟังฉันก็ได้ จะเกลียดฉันก็ได้ แต่อย่าเย็นชากับฉันได้ไหม ฉันขอร้อง”
“...”
“มินซอก นายพูดอะไรบ้างสิ”
“...”
“ได้ ถ้าฉันไปนายจะพอใจใช่ไหม”
“...”
“ลู่หานฮยอง ผมเอายามาให้ครับ” เซฮุนที่ถือแก้วน้ำอุ่นกับยาแก้ไข้ไว้ในมือ เปิดประตูเข้ามาพร้อมเสียงใส ร่างสูงก้าวเข้ามาในห้องก่อนจะวางน้ำและยาไว้ที่โต๊ะข้างเตียง
“แล้วลู่หานฮยองล่ะครับ” ถามคนที่นั่งนิ่งอยู่มุมห้องหลังจากมองหาไม่เห็นอีกคนที่ควรจะอยู่ด้วยกัน
“ไปแล้ว” เสียงเบาๆของมินซอกทำให้เซฮุนหน้านิ่ว
“ไปแล้ว ไปไหน”เซฮุนทวนคำถามก่อนจะทำหน้าไม่เข้าใจ ดวงตาที่ดูเฉยเมยมองสำรวจผ้าห่มและหมอนบนพื้นก่อนจะทำหน้าเข้าใจ
“ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอครับ ข้างนอกมันหนาวมากนะครับ แล้วมันก็ไม่มีรถกลับ ฮยองปล่อยเขาไปได้ยังไงครับ”
ใบหน้าของเซฮุนเต็มไปด้วยความกังวล ก็ลู่หานฮยองไม่ได้ใส่แจ็คเก็ตออกมาเหมือนมินซอกนี่ ขนาดชุดคืนนี้ยังต้องขอยืมชุดนอนเขาเลย ดูก็รู้ว่าคงไม่ได้เตรียมพร้อมจะมานอนค้างบ้านของเขาเหมือนใครบางคนแถวนี้ พอคิดได้แบบนั้นดวงตาคู่สวยก็กวาดมองสำรวจทั่วห้อง ชุดนอนของเขาไม่อยู่ในห้อง
“นี่อย่าบอกนะว่าลู่หานฮยองออกไปทั้งๆชุดนอน” เซฮุนส่งสายตาหงุดหงิดใส่ฮยองแก้มกลมของเขาที่นั่งนิ่งไม่คิดสนใจอะไรกับโลกใบนี้เลย
“งั้นผมจะออกไปตามลู่หานฮยอง” คนพูดรีบพูดก่อนจะวิ่งกลับห้องตัวเองไปคว้าแจ็คเก็ตตัวหนามาคลุมทับชุดนอน แต่พอเดินตรงไปที่ประตูห้องก็เจอกับอีกคนที่ยืนรออยู่ก่อน
“นายรออยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันออกไปเอง”
บรรยากาศเงียบสงบในยามค่ำคืนพร้อมสายลมเย็นที่พัดบาดผิวหนัง ชุดนอนตัวบางไม่ได้ช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายอย่างที่ควรจะเป็น ลู่หานใช้มือคู่เล็กกอดแขนตัวเองไว้แน่นกันความหนาวเย็นที่มาพร้อมกับสายลม ความร้อนจากภายในกายที่เกิดจากพิษไข้ ยิ่งพอมาเจออากาศเย็นๆทำให้ยิ่งรู้สึกปวดหัว
เหลือบมองเท้าเปล่าที่มีเพียงถุงเท้าคู่บางเท่านั้น เขาออกจากห้องของเซฮุนมาโดยที่ไม่ทันได้ใส่รองเท้าด้วยซ้ำ ความเย็นจากพื้นทำให้เดินได้ไม่เต็มเท้านัก อาศัยแสงไฟจากเสาไฟตามถนนที่ทิ้งระยะห่างกันแต่ละช่วงเสาไฟนำทางเขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปไหน เพราะไม่เคยมาแถวนี้ ถึงจะอยู่ที่เกาหลีมาสี่ปี แต่ตลอดเวลาเส้นทางของเขามีเพียงบริษัทกับห้องพัก บางครั้งที่ไปเที่ยวก็มีมินซอกนั่นแหละที่พาไปส่วนเวลาไปทำกิจกรรมในที่ต่างๆก็ไปกับรถตู้บริษัท
เขากำลังจะหลงทางอยู่ที่ไหนสักแห่งในโซล มือถือที่พอจะใช้จีพีเอสนำทางได้ของเขาก็ถูกวางทิ้งไว้ที่หอ เพราะเขาตามมินซอกออกมา โดยไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาด้วยเลยสักอย่าง แม้แต่เงินสักวอนยังไม่มี คิดแล้วน้ำตาที่เพิ่งจะหยุดไหลก็กลับมาไหลอีกครั้ง ทั้งน้อยใจ เสียใจ แต่เขาจะทำอะไรได้ล่ะในตอนนี้
ในเมื่อเขาเป็นคนผิดจริงแต่จะให้เขาหายไปจากมินซอก เขาก็ทำไมได้
แต่ถ้ามันเป็นทางเดียวเขาก็ควรจะทำใช่ไหม?
ลู่หานปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ก้มมองเท้าที่ปวดระบบไปหมด ไหนมันจะชาเพราะความเย็น ไหนจะถูกกรวดตำจนแสบไปหมด และมันก็ชาจนเริ่มก้าวขาไม่ออกแล้วด้วย เขาค่อยๆทรุดตัวลงนั่งยองๆ เอื้อมมือลงไปจับฝ่าเท้าตัวเองไว้ให้ไออุ่นจากมือช่วยบรรเทาอาการปวด ตลอดเวลาเขาแทบไม่เคยได้ดูแลเท้าคู่นี้ของตัวเองเลยทั้งๆที่เขาต้องใช้มัน ถ้าไม่มีมัน ความฝันที่จะได้ร้องและเต้นบนเวทีของเขาคงเป็นเพียงความฝันลมๆแล้งๆ
พอเวลาแบบนี้ เขาเลยได้แต่รู้สึกผิดที่ไม่เคยดูแลมันบ้างเลย
“อดทนอีกหน่อย.. นะ ถ้าฉันกลับหอได้ฉันจะดูแลแกให้ดี กว่านี้” ก้มลงพูดกับเท้าตัวเองทั้งน้ำตา ใช้นิ้วนวดเพื่อคลายความชา แต่ดูเหมือนมันจะไม่ดีขึ้นเลย
“!”
แรงฉุดที่ข้อมือทำให้ร่างทั้งร่างของลู่หานที่กำลังจะลุกขึ้นยืนเสียหลักก่อนจะเซไปปะทะกับอกอุ่นๆของใครสักคน
“นายมันบ้า” ไม่ทันที่จะหันไปมองว่าเมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นลู่หานก็ปล่อยโฮออกมาอีกรอบกับเสียงที่เขาได้ยิน แค่เพียงได้ยินเสียงน้ำตาของเขาก็ไหลทะลักราวกับเขื่อนแตก
“ใครใช้ให้นายออกมาแบบนี้” มินซอกหมุนลู่หานให้มาประจันหน้ากัน ใช้สายตาไล่มองปลายเท้าที่มีเพียงถุงเท้า ขึ้นมาจนสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยน้ำตา ก่อนจะหยุดสายตาเอาไว้ที่ฟันขาวซี่เล็กที่กัดริมฝีปากไว้แน่นจนห้อเลือด
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง นายทำท่าทางรังเกียจที่จะอยู่กับฉัน จะให้ฉันทำยังไงฉันทนอยู่แบบนั้นไม่ได้ ฉันมองเห็นแต่ความเกลียดชังในแววตาของนาย นายไม่รู้หรอกมินซอก ว่ามันทรมานแค่ไหน”
“ก็คนที่เกลียดก่อนคืนนายไม่ใช่รึไง” มินซอกตะโกนใส่หน้าอีกคนเสียงดัง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจ้องอีกคนไม่วางตา “คนที่พูดว่า เกลียดฉันมันคือนายไม่ใช่รึไง”
“ไม่ใช่นะมินซอก” มือคู่บางเอื้อมไปแตะแขนของคนตรงหน้าแต่มินซอกถอยหลังหนี
“ฉันคงไม่สามารถรักคนที่ดีแต่เสแสร้งแบบนาย ตลอดเวลาที่ผ่านฉันไม่รู้เลยว่าอะไรคือสิ่งที่มันออกมาจากใจนายจริงๆกันแน่”
“ทุกอย่างที่ฉันทำฉันไม่เคยเสแสร้งเลยสักครั้ง ฉันยอมรับว่าวันนั้นฉันพูดนั้นออกไป แต่สาบานได้มินซอก ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลย ฉันพูดออกไปเพราะฉันโกรธ ที่ทุกคนเอาฉันไปเปรียบเทียบกับนาย ฉันทุ่มเททุกอย่างไปกับมันแต่ฉันเป็นได้แค่เพียงเงาของนาย ลับหลังฉันมันมีแต่คำว่าร้ายต่างๆนาๆ ฉันไม่รู้ว่าฉันเชื่อใจใครได้บ้างแม้แต่นาย”
“ฉันไม่ใช่คนแบบนายนะ” มินซอกพูดเสียงเย็นทั้งแววตาเชือดเฉือนที่ใช้มองอีกคน
“ฉันขอโทษมินซอก ฮึก ฉันขอโทษ แต่ฉันยืนยันได้นะว่าฉันไม่ได้คิดร้ายกับนาย ไม่เคยเลยสักครั้ง ฉันรักนายมากกว่าใครนะมินซอก นายเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างๆฉันเวลาที่ฉันไม่มีใคร”
“แล้วนายตอบแทนฉันด้วยสิ่งนี้น่ะเหรอ นายดึงทุกคนไปเป็นพวกนาย ทุกครั้งที่นายร้องไห้ฉันกลายเป็นคนผิดเป็นผู้ร้ายทำร้ายนาย ทุกคนเกลียดฉันก็เพราะนาย”
“ไม่จริงมินซอก ฉันไม่ได้ทำแบบนั้น ฉัน...”
“นายทำลู่หานนายดึงทุกคนออกไปจากฉัน”
“ที่ฉันทำแบบนั้นเพราะฉันรักนายไงเล่า!” ลู่หานพูดเสียงดังดวงตาคู่สวยบวมช้ำจากการร้องไห้ ไหล่บางสั่นไหวจากแรงสะอื้น “ฉันไม่อยากให้ใครเข้าใกล้นายเพราะ ฉันอิจฉาที่นายยิ้มให้คนอื่น หัวเราะกับคนอื่น แต่พอกับฉันนายกลับทำเย็นชาใส่ แสดงท่าทีรังเกียจราวกับฉันเป็นตัวเชื้อโรคที่ไม่ควรเข้าใกล้ ฉันเจ็บนะมินซอก ฉันเจ็บเพราะฉันรักนาย”
“แล้วคิดว่าฉันไม่เจ็บรึไง” น้ำตาหยดแรกไหลรินจากดวงตาสีดำสนิทของมินซอก “นายพูดว่านายเกลียดฉัน รู้ไหมฉันเจ็บแค่ไหน เจ็บที่คำนั้นมันออกจากปากนาย นายที่ฉันรักและอยากปกป้อง ฉันถามตัวเองว่าฉันผิดอะไร ฉันทำอะไรพลาดไปรึไง ฉันคิดมาตลอดว่าวันที่เราได้เดบิวต์ ฉันจะบอกนายว่าฉันรู้สึกยังไง แต่คำพูดของนายทำให้ฉันไม่กล้าแม้แต่จะเริ่ม”
“มินซอกฉันขอโทษ ให้โอกาสฉันอีกครั้งนะ” มือสั่นๆเอื้อมไปดึงชายเสื้อของคนตรงหน้าไว้ นี่เขาทำอะไรลงไป ทั้งที่เคยได้ครอบครอง เคยได้ความรักแบบที่ต้องการ แต่เขากลับทำลายมันลงด้วยตัวของเขาเอง
“ฉันเคยบอกไปแล้ว มันไม่มีโอกาสอะไรสำหรับนายอีกแล้ว”
ลู่หานทรุดลงกับพื้นทันทีหลังฟังประโยคตัดรอนจากอีกคน แรงสะอื้นเพิ่มจากขึ้นจนคนที่ร้องไห้เหนื่อยจนแทบหายใจไม่ทัน แต่มันคงไม่เท่าหัวใจที่มันกำลังแตกสลายลงช้าๆ
“ความผิดของฉันมันร้ายแรงจนอภัยให้กันไม่ได้เลยรึไง สำหรับนายฉันมันเลวมากเลยใช่ไหม”
“...”
“ฉันขอโทษที่ทำร้ายจิตใจของนาย ขอโทษที่ทำลายความฝันของนาย ฉันไม่เคยมีความสุขเลยกับสิ่งเหล่านั้น ฉันไขว่คว้าอะไรมากมายแต่ถ้าต้องแลกกับการเสียนายไป ฉัน ฮึก ฉันยอมทิ้งทุกอย่าง” มินซอกยืนมองคนที่ร้องไห้ปานจะขาดใจตรงหน้า ก่อนจะเบนหน้าหนีไปทางอื่น
เขาเกลียดลู่หาน
เกลียดน้ำตาของลู่หานที่มันทำลายความเข้มแข็งของเขา
“ขอโทษที่ฉันแย่งตำแหน่งของนายมา ที่ตรงนี้มันควรเป็นของนายตั้งแต่แรก ขอโทษที่ทำลายความฝันของนาย”
“...”
“ฉะ อึก ฉัน...จะลาออกจากวงเอง”
มินซอกสะบัดหน้ามามองลู่หานที่ค่อยๆยืนทรงตัวขึ้น ใบหน้าเล็กๆของลู่หานนั้นแดงกร่ำจากการร้องไห้ ลู่หานเซไปมาเหมือนจะล้ม ขณะที่มินซอกกำมือทั้งสองข้างแน่นเพื่อข่มความต้องการของตัวเองที่จะเข้าไปประคองร่างบอบบางตรงหน้า
ลู่หานค่อยๆหันหลังเดินจากเขาไปทีละก้าวๆ
เป็นครั้งที่สองของวันที่ผู้ชายคนนี้หันหลังให้เขา
ทั้งๆที่ตลอดมาเขาต้องการให้ผู้ชายคนนี้หายไปจากชีวิตเขา
และตอนนี้ลู่หานกำลังจะเดินจากเขาไป
แต่ทำไมเขาถึงไม่ได้รู้สึกดีใจสักนิดเลยล่ะ
ทำไมเขายังเจ็บปวดเหมือนตอนที่หลบเข้าไปทำแผลในห้องน้ำเพราะกลัวว่าคนที่เป็นต้นเหตุจะเป็นกังวล จนไม่เป็นอันซ้อม แต่กลับเป็นเขาซะเองที่ได้ยินอะไรที่กรีดลึกลงไปยังขั้วหัวใจ มันเจ็บจนเขาไม่มีแรงแม้แต่จะพาตัวเองออกมาจากห้องน้ำด้วยซ้ำ
“ฉันไม่ให้นายไป” แรงกอดจากด้านหลังฉุดขาที่กำลังก้าวเดินของเขาไว้ ใช้เรี่ยวแรงที่ยังพอมีก็พาลจะหายไปหมด ได้แต่ยืนหมดแรงในอ้อมกอดนั้น
“แล้วจะให้ฉันอยู่ต่อได้ยังไงมินซอก ในเมื่อนายเองที่ผลักไสฉันออกมาแบบนี้”
“ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น ฉันไม่ให้นายลาออก นายมีทุกวันนี้เพราะความสามารถของตัวนาย แล้วนายก็ไม่ได้ทำลายความฝันของฉัน ฝันของฉันคือการได้ร้องเพลง มันไม่สำคัญเลยว่าจะร้องในตำแหน่งอะไร”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะมินซอก ฉันอยู่แบบนี้...อยู่แบบนี้ไม่ได้นะ” “ฉันไม่สนว่านายจะทำอะไรยังไง แค่อย่าพูดว่านายเกลียดฉันอีกเลยนะ” ลู่หานสะอื้นตัวโยนในอ้อมแขนแกร่งที่กอดเขาไว้ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปมองใบหน้าของคนที่เขารัก ยกมือเรียวขึ้นปาดน้ำตาจากใบหน้านั้นช้าๆ
มินซอกอยู่ใกล้เขาเพียงแค่เอื้อมเท่านี้ สายตาที่มองมามันไม่ได้เย็นชาเหมือนเคย
นายคือมินซอกคนนั้น มินซอกคนเดิมของฉันใช่ไหม
“ฉันขอโทษ ฉันจะไม่มีวันพูดคำนั้นออกไปอีก ให้อภัยลู่หานคนนี้ที่รักนายสุดหัวใจสักครั้งได้ไหม”
มินซอกกระชับอ้อมกอดแน่น ราวกับกลัวคนตรงหน้าจะหายไป
“ฉันเกลียดนายจริงๆลู่หาน เกลียดนายที่ทำให้ฉันรักจนแทบบ้า”
ฉันเกลียดนายจริงๆ ฉันเกลียดนายเพราะว่ารักนายเหลือเกิน
หยดน้ำตาและดวงใจที่แสนจะบอบช้ำ
มันเจ็บปวดเพราะถูกทำร้ายจนแทบเกินทน
ฉันลบมันไปทั้งหมด ลบมันเพราะอาจเจ็บเจียนตายได้
เพราะฉันเจ็บปวดจนไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป
เพราะฉันก็ยังคงรักนาย นายที่ยังคงอยู่ในหัวใจของฉัน
ฉันเกลียดนาย เกลียดนายจนแทบบ้า
ฉันเกลียดนายแทบตาย แต่ก็ปล่อยนายจากไปแบบนี้ไม่ได้
ฉันเกลียดความรัก ฉันเกลียดนาย
นั่นก็เพราะ ฉันยังคงรักนาย คนที่อยู่ในใจฉันตลอดมา
The End
Special Sehun's part
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จกำลังจะล้มตัวลงนอน เสียงออดหน้าบ้านก็ทำเอาผมขมวดคิ้ว เหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลา ตีหนึ่งยี่สิบสอง ใครกันที่มาจนดึกเอาป่านนี้ ทันทีที่ผมเปิดประตูก็เจอกับมินซอกฮยองที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ ที่ด้านหลังมีลู่หานฮยองยืนอยู่ไม่ห่าง ผมขยับหลีกทางให้ทั้งสองคนเข้ามา แล้วก็ได้รู้วัตถุประสงค์ของการมาเยือนผมในยามวิกาล
“คืนนี้ฉันนอนค้างที่นี่นะ” ผมมองกระเป๋าเป้ของมินซอกฮยองก่อนพยักหน้าเข้าใจ
“ฉันก็จะนอนที่นี่ด้วย” ผมหันกลับไปมองคนพูด เป็นครั้งแรกเลยที่ลู่หานฮยองมาค้างบ้านผม ผมเลยรู้สึกแปลกๆไม่ใช่ว่าเราไม่สนิทกันหรอกนะ แต่นั่นแหละก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
“ฉันบอกให้นายกลับหอไป” มินซอกฮยองเอ่ยเสียงเข้ม
“แต่นี่มันบ้านของเซฮุนนะ นายไม่มีสิทธิ์ไล่ฉัน” พระเจ้า นี่พี่ลู่หานเถียงมินซอกฮยอง ผมฝันไปรึเปล่าเนี่ย
“แต่ฉันไม่ให้”
“อย่าทำตัวเป็นเด็กสิมินซอก”
“ฮยอง!”
ผมรีบคว้าแขนมินซอกฮยองไว้ก่อนจะเกิดการลงไม้ลงมือกันขึ้น “ก็นอนด้วยกันทั้งหมดที่นี่และครับ นี่มันก็ดึกแล้ว อีกอย่างรถก็หมดแล้วด้วย”
“ขอบใจนะเซฮุน” ผมยิ้มเหนื่อยๆให้ลู่หานฮยอง รู้สึกถึงสายตาอำมหิตที่มินซอกฮยองส่งมา แต่ผมจะทำเหมือนว่าผมไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยละกันเพื่อความผาสุกในชีวิตของผม
“ผมมีห้องว่างอยู่อีกห้อง พวกฮยองก็นอนห้องนั้นละกันนะครับ”
“ไม่เอา!”
เสียงมินซอกฮยองทำผมสะดุ้ง จะดุผมทำไมครับ
“แต่ตอนอยู่หอฮยองก็นอนห้องเดียว.../บอกว่าไม่เอา คืนนี้ฉันจะนอนกับนาย เซฮุน” ประโยคของผมยังไม่ทันจบ มินซอกฮยองก็พูดแทรกขึ้นมา รู้สึกบทผมมันจะค่อยๆหายไปทีละนิดทีละหน่อย แต่นี่มันบ้านผมนะ ผมต้องเด่นสิ
“ก็ได้ค.../ไม่ได้นะ!!!” ผมหันไปมองลู่หานฮยอง คือจะไม่ให้ผมมีบทบาทเลยว่างั้น อืมตามสบายครับ เชิญคนแก่สองคนเถียงกันให้หนำใจ
“นายไม่อยากนอนกับฉัน งั้นฉันนอนกับเซฮุนเอง”
ตอนผมตั้งจะดูเฉยๆ ลู่หานฮยองก็ดึงแขนผมไป ผมอยากจะกรีดร้องว่าอย่าเอาผมไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย แค่ตกลงกันดีๆแล้วให้ผมไปนอนก็พอ
“ไม่ได้ นายจะนอนกับเซฮุนได้ยังไง” ผมพยายามจะแกะมือออกเพราะดูจากท่าทางมินซอกฮยองแล้ว ผมรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว แต่จู่ๆลู่หานฮยองก็สะบัดแขนผมออก คือ ผมเจ็บนะฮยอง อยากจะร้องไห้เข้าห้องไปนอน แล้วไล่พวกเขาสองคนออกไปจริงๆ
“อะไรก็ไม่ได้ แล้วนายจะเอายังไง”
พระเจ้านี่พวกเขากำลังเล่นอะไรกันอยู่
แต่เดี๋ยวนะ ทำไมผมรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆระหว่างพวกเขาสองคน
มันไม่ใช่อาการของคนที่เกลียดขี้หน้ากันนะแบบนี้
มันเหมือนคนรักกำลังทะเลาะกันซะมากกว่า
ดูจากสายตาและการกระทำที่อ่านง่ายแสนง่ายของลู่หานฮยอง ผมก็รู้ว่าเขาหึงผมกับมินซอกฮยอง แต่พอมองไปที่มินซอกฮยองผมกับเห็นแต่ใบหน้าเย็นชาเท่านั้น มินซอกฮยองเก็บความรู้สึกเก่ง แต่เขาก็หลุดออกมาตอนที่ลู่หานฮยองบอกจะนอนกับผม คงกลัวผมบ้าระห่ำขึ้นมาแล้วจับลู่หานฮยองกดล่ะสิ
ผมได้แต่หัวเราะกับตัวเองในใจ
“ฉันถึงบอกให้นายกลับหอไปไง”
“แล้วจะให้ฉันกลับยังไง ตอนมาฉันก็เดินมากับนาย”
“ไม่ต้องกลับหรอกครับ คือข้างนอกอากาศเย็นแบบนี้ ถ้าเดินกลับหอมีหวังไข้กินแน่อีกอย่างทางมันก็ไกล” สุดท้ายมินซอกฮยองก็ต้องนอนกับลู่หานฮยอง ผมล่ะเพลียกับเขาสองคนจริงๆ
จะตีสี่อยู่แล้วผมยังนั่งรอมินซอกฮยองกับลู่หานฮยองอยู่
นี่มันก็ชั่วโมงกว่าแล้วนะ ทำไมพวกเขายังไม่กลับมาอีก
หลายครั้งที่ผมคิดจะออกไปตามแต่ก็กลัวจะคลาดกัน
ช่องทางการสื่อสารเดียวตอนนี้มีเพียงมือถือ
ผมลองโทรเข้าเบอร์มินซอกฮยอง แต่เสียงโทรศัพท์มันก็ดังอยู่ในห้องนอนจากกระเป๋าของฮยอง
ผมลองกดเบอร์ลู่หานฮยองดูก็ไม่มีคนรับสาย
ผมควรทำยังไงดี
ผมง่วงมาก
อยากจะนอน
แต่ฮยองทั้งสองจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
ผมกดเบอร์มือถือของลู่หานฮยองอีกครั้ง
สัญญาณดังอยู่สองสามครั้งก่อนจะตัดไป ผมมองมือถือก่อนจะกดโทรซ้ำคราวนี้สัญญาณถูกตัดหลังมันดังเพียงครั้งเดียว
เรื่องเลวร้ายผุดขึ้นในหัวผมเต็มไปหมด พยายามจะนึกว่าลู่หานฮยองเอามือถือติดตัวมารึเปล่า ถ้าเอามาจะตัดสายผมทำไมแต่ถ้าวางทิ้งไว้ที่หอ ก็มินซอกฮยองบอกที่หอไม่มีใครอยู่ เกิดอะไรขึ้นกับฮยองรึเปล่า
ผมจะเป็นบ้าแล้วนะ
ทำไมสองคนนั้นไม่กลับมาสักที
.....
ติ๊ด ติ๊ด
ผมสะดุ้งตื่นเพราะแรงสั่นเบาๆกับเสียงสัญญาณจากมือถือเครื่องบางในมือจนเกือบทำมันหลุดมือ เหลือบมองเวลา นี่มันก็ หกโมงสี่สิบห้าเข้าไปแล้ว ผมเขกหัวตัวเองที่เผลอหลับไปก่อนจะกดดูข้อความที่เข้ามา
“เมื่อคืนฉันพาลู่หานกลับมาที่หอ ไม่ต้องห่วงนะ”
ให้ตายสิ ไม่ต้องห่วงแล้วโทรไปก็ตัดสายผมเนี่ยนะ
จบเหอะ
เรื่องนี้ตั้งใจให้เป็นซิ่วหานค่ะ อยากให้คิดย้อนกลับไปตอนพี่ลู่เดบิวต์ใหม่ๆ ภาพลักษณ์ใสๆน่าทะนุถนอมแบบนั้น คือแต่งเรื่องนี้ด้วยอารมณ์ชั่ววูบมากจริงๆ ความจริงมีอีกเรื่องที่พล็อตคล้ายๆกันแต่อันนั้นใสๆกว่านี้ เลยแต่งเรื่องนี้ออกมาชิมลางดูก่อน
ปล.ถ้าใครเล่นทวิตเตอร์แล้วจะด่าคนแต่งที่แต่งเรื่องดราม่า มาอีกแล้วล่ะก็ ช่วยแท็ก #HUxiuhan ให้ด้วยนะคะ
ตอนจบมันไม่ใช่แบบที่ต้องการ ถ้ามันขัดๆ ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ เพราะตอนจบแบบแรกคือมันดราม่า
แต่ถ้าจบแบบนั้นมีหวังคนอ่านคงสาปแช่งจนนอนไม่หลับแน่
Jyploy
ผลงานอื่นๆ ของ Certainly_enough ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Certainly_enough
ความคิดเห็น